|
ปัจจัยกำหนดการลาออกจากงานของลูกจ้างอายุ 25-35 ปีเพื่อไปทำงานอิสระ |
|---|---|
| รหัสดีโอไอ | |
| Title | ปัจจัยกำหนดการลาออกจากงานของลูกจ้างอายุ 25-35 ปีเพื่อไปทำงานอิสระ |
| Creator | ธนารีย์ ไชยพรรณา |
| Contributor | กิริยา กุลกลการ, ที่ปรึกษา |
| Publisher | มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ |
| Publication Year | 2567 |
| Keyword | การลาออกจากงานของลูกจ้าง, ลาออกจากงานประจำ, อาชีพอิสระ, The resignation of employees, Resigned from full-time job, Self-employed |
| Abstract | การค้นคว้าอิสระในครั้งนี้เป็นการศึกษาถึงปัจจัยที่ส่งผลต่อการตัดสินใจลาออกของลูกจ้างอายุ 25-35 ปี เพื่อไปทำงานอิสระ โดยแบ่งออกเป็น 3 ด้าน คือ ด้านปัจจัยส่วนบุคคล ประกอบด้วย เพศ อายุ ระดับการศึกษาสูงสุด สถานภาพสมรส อาชีพในฐานะลูกจ้าง รายได้เฉลี่ยต่อเดือนในฐานะลูกจ้าง อายุงานในฐานะลูกจ้าง ขนาดขององค์กรในฐานะลูกจ้าง อุตสาหกรรมขององค์กรในฐานะลูกจ้าง และการมีภาระครอบครัวหรือบุคคลในความดูแล ด้านทัศนคติต่อการทำงานประจำ และด้านแรงจูงใจในการประกอบอาชีพอิสระ ซึ่งประกอบด้วย ระดับความต้องการอิสระ ทัศนคติต่อความเสี่ยง 4 ปัจจัยหนุนอาชีพอิสระ และคุณสมบัติอาชีพอิสระ ซึ่งทดสอบโดยใช้ทฤษฎีการเลือกอาชีพให้เหมาะสมกับบุคลิกภาพ Holland Code (RIASEC) และการวิเคราะห์เกี่ยวกับข้อมูลอาชีพอิสระ รายได้ต่อเดือนของอาชีพอิสระ และชั่วโมงการทำงานของอาชีพอิสระ โดยการศึกษาในครั้งนี้แบ่งกลุ่มตัวอย่างออกเป็น 2 กลุ่มตัวอย่าง ประกอบด้วย ลูกจ้างงานประจำที่มีนายจ้างในปัจจุบัน และลูกจ้างที่ลาออกจากงานประจำที่มีนายจ้างเพื่อไปทำอาชีพอิสระไม่เกิน 2 ปี จำนวน 406 ตัวอย่าง สถิติที่ใช้ในการศึกษา ได้แก่ การแจกแจงความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน t-test และการถดถอยพหุคูณจากการศึกษาพบว่า ปัจจัยส่วนบุคคลที่มีผลต่อการตัดสินใจลาออกของลูกจ้างอายุ 25-35 ปี เพื่อไปทำงานอิสระ ได้แก่ มีการศึกษาระดับปริญญาตรีขึ้นไป ช่วงอายุ 25-35 ปี และมีภาระครอบครัวหรือบุคคลในความดูแล ตามลำดับ ในส่วนของทัศนคติต่อการทำงานประจำไม่มีผลต่อการตัดสินใจลาออกของลูกจ้างเพื่อไปทำงานอิสระ และแรงจูงใจในการประกอบอาชีพอิสระที่มีผลต่อการตัดสินใจ ได้แก่ ระดับความต้องการอิสระ ทัศนคติต่อความเสี่ยง และการมีคุณสมบัติของผู้ประกอบอาชีพอิสระ ตามลำดับ ส่วน 4 ปัจจัยหนุนอาชีพอิสระไม่มีผลต่อการตัดสินใจลาออกของลูกจ้างเพื่อไปทำงานอิสระ ที่ระดับนัยสำคัญทางสถิติ 0.05 |