|
ประสิทธิผลของการเยี่ยมบ้านทางโทรศัพท์ต่อความรอบรู้ด้านสุขภาพ พฤติกรรมเสี่ยงสุขภาพช่องปากและระดับน้ำตาลในเลือดขณะอดอาหารของกลุ่มเสี่ยงโรคเบาหวาน ตำบลแม่สุก อำเภอแม่ใจ จังหวัดพะเยา |
|---|---|
| รหัสดีโอไอ | |
| Creator | ธิติพันธุ์ อวนมินทร์ |
| Title | ประสิทธิผลของการเยี่ยมบ้านทางโทรศัพท์ต่อความรอบรู้ด้านสุขภาพ พฤติกรรมเสี่ยงสุขภาพช่องปากและระดับน้ำตาลในเลือดขณะอดอาหารของกลุ่มเสี่ยงโรคเบาหวาน ตำบลแม่สุก อำเภอแม่ใจ จังหวัดพะเยา |
| Contributor | ณัฐณิชา อุทธโยธา |
| Publisher | สำนักทันตสาธารณสุข |
| Publication Year | 2568 |
| Journal Title | วิทยาสารทันตสาธารณสุข |
| Journal Vol. | 30 |
| Page no. | 134-149 |
| Keyword | การเยี่ยมบ้านทางโทรศัพท์โดยอสม., ความรอบรู้ด้านสุขภาพ, พฤติกรรมเสี่ยงสุขภาพช่องปาก, ระดับน้ำตาลในเลือดขณะอดอาหาร, กลุ่มเสี่ยงโรคเบาหวาน, การสนทนาเพื่อสร้างแรงจูงใจ |
| URL Website | https://he02.tci-thaijo.org/index.php/ThDPHJo |
| Website title | วิทยาสารทันตสาธารณสุข |
| ISSN | ISSN 3027-7469 |
| Abstract | การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาประสิทธิผลของกระบวนการเยี่ยมบ้านทางโทรศัพท์เพื่อพัฒนาความรอบรู้ด้านสุขภาพต่อระดับความรอบรู้ด้านสุขภาพ พฤติกรรมเสี่ยงสุขภาพช่องปากและระดับน้ำตาลในเลือดขณะอดอาหารของกลุ่มเสี่ยงโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ดำเนินการวิจัยกึ่งทดลองแบบสองกลุ่ม วัดผลก่อนและหลัง ระยะเวลา 6 เดือน ทั้งสองกลุ่มได้รับการให้คำปรึกษาตามหลักความรอบรู้ด้านสุขภาพ กลุ่มทดลองได้รับการติดตามต่อเนื่องโดยอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ผ่านการเยี่ยมบ้านทางโทรศัพท์ตามหลักการสนทนาเพื่อสร้างแรงจูงใจ กลุ่มเปรียบเทียบไม่ได้รับการติดตาม หลังการทดลอง พบว่ากลุ่มทดลองมีสัดส่วนของผู้มีความรอบรู้ด้านสุขภาพระดับเพียงพอ เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 33.0 เป็นร้อยละ 100.0 (p < 0.001) ค่าเฉลี่ยคะแนนพฤติกรรมเสี่ยงสุขภาพช่องปาก ลดลงจาก 3.8 เหลือ 1.0 คะแนน (p < 0.001) และค่าเฉลี่ยระดับน้ำตาลในเลือดขณะอดอาหารลดลงจาก 113.7 เหลือ 96.9 มก./ดล.(p < 0.001) และพบว่าการโทรศัพท์ติดตาม จำนวน 8 ครั้งภายใน 4 เดือนแรกเพียงพอในการสร้างความสามารถในการดูแลตนเองอย่างต่อเนื่องได้ ในขณะที่หลังการทดลอง ไม่พบความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญของสัดส่วนของผู้มีความรอบรู้ด้านสุขภาพระดับเพียงพอ และค่าเฉลี่ยคะแนนพฤติกรรมเสี่ยงสุขภาพช่องปากระหว่างกลุ่มทดลองและกลุ่มเปรียบเทียบ แต่พบว่าค่าเฉลี่ยระดับน้ำตาลในเลือดขณะอดอาหารของกลุ่มเปรียบเทียบ 105.5 มก./ดล.สูงกว่ากลุ่มทดลอง 96.9 มก./ดล.อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p = 0.04) แสดงว่าการติดตามต่อเนื่องทางโทรศัพท์ให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าการให้คำปรึกษาเพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพียงอย่างเดียว สามารถนำไปใช้ในงานประจำเพื่อช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดขณะอดอาหารในกลุ่มตัวอย่างนี้ |