|
ปัญหาความขัดแย้งด้านการใช้ประโยชน์ที่ดินของกลุ่มชาติพันธุ์ชาวเล ในประเทศไทย: ต้นตอของการต่อสู้เพื่อให้ได้มาซึ่งการถือครองที่ดินตามจารีต |
|---|---|
| รหัสดีโอไอ | |
| Creator | วิชชากร พรกำเหนิดทรัพย์ |
| Title | ปัญหาความขัดแย้งด้านการใช้ประโยชน์ที่ดินของกลุ่มชาติพันธุ์ชาวเล ในประเทศไทย: ต้นตอของการต่อสู้เพื่อให้ได้มาซึ่งการถือครองที่ดินตามจารีต |
| Publisher | คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ |
| Publication Year | 2568 |
| Journal Title | วารสาร สิ่งแวดล้อมสรรค์สร้างวินิจฉัย (Built Environment Inquiry – BEI) |
| Journal Vol. | 24 |
| Journal No. | 3 |
| Page no. | 102-128 |
| Keyword | ความขัดแย้ง, การใช้ประโยชน์ที่ดิน, กลุ่มชาติพันธุ์, ชาวเล, การถือครองที่ดินตามจารีต |
| URL Website | https://www.tci-thaijo.org/index.php/arch-kku |
| Website title | Built Environment Inquiry Journal Faculty of Architecture Khon Kaen University, Thailand |
| ISSN | 2651-1185 |
| Abstract | ปัญหาความขัดแย้งด้านการใช้ประโยชน์ที่ดิน เป็นหนึ่งในปัญหาที่สำคัญของกลุ่มชาติพันธุ์ชาวเลในประเทศไทยโดยบทความนี้มุ่งอธิบายและเปรียบเทียบปรากฏการณ์ ตลอดจน เสนอแนะแนวทางการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งด้านการใช้ประโยชน์ที่ดินของกลุ่มชาติพันธุ์ชาวเลในประเทศไทยจำนวน 46 ชุมชน ซึ่งผู้วิจัยได้ใช้วิธีวิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพ (qualitative research) โดยใช้วิธีการศึกษา 2 รูปแบบ คือ การสัมภาษณ์ (interview) และการวิเคราะห์เอกสาร (documentary research) โดยข้อมูลที่รวบรวมได้จะถูกนำไปวิเคราะห์ใน 2 รูปแบบ คือ การวิเคราะห์เนื้อหา (content analysis) และการวิจัยเชิงเปรียบเทียบ (comparative research) ทั้งนี้ ผลการศึกษา พบว่า ต้นตอของปัญหาความขัดแย้งด้านการใช้ประโยชน์ที่ดินของกลุ่มชาติพันธุ์ชาวเลในประเทศไทยแบ่งออกเป็น 4 ประเด็น คือ1) การออกเอกสารสิทธิถือครองที่ดิน 2) การประกาศเขตพื้นที่อนุรักษ์เพื่อการคุ้มครองทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 3) การเข้ามาของนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยว และ 4) การเกิดเหตุการณ์ธรณีพิบัติภัย (สึนามิ) โดยเมื่อพิจารณาการใช้ประโยชน์ที่ดินตามผังเมืองรวม พบว่า ปัญหาความขัดแย้งส่วนใหญ่ร้อยละ 62.50 อยู่ในที่ดินประเภทอนุรักษ์ป่าไม้ รองลงมา คือ ที่ดินประเภทอนุรักษ์สภาพแวดล้อมเพื่อการท่องเที่ยว (ร้อยละ 12.50) และที่ดินประเภทที่อยู่อาศัยหนาแน่นน้อย (ร้อยละ 8.93) โดยคู่ขัดแย้งของกลุ่มชาติพันธุ์ชาวเล คือ รัฐ (ร้อยละ 56.79) รองลงมา คือ เอกชน (ร้อยละ 41.98) และวัด (ร้อยละ 1.23) ซึ่งปัญหาและการแสดงออกของความขัดแย้ง สามารถจำแนกออกเป็น 3 พื้นที่ คือ พื้นที่ทำกิน พื้นที่อยู่อาศัย และสุสานและพื้นที่จิตวิญญาณ เมื่อพิจารณาถึงระดับการมีส่วนร่วม พบว่า ชุมชนชาวเลในประเทศไทยส่วนใหญ่มีระดับการมีส่วนร่วมอยู่ในระดับของการปลอบใจหรือการร่วมแสดงความคิดเห็น (placation) โดยพบได้ทั้งสิ้นจำนวน 32 ชุมชน และระดับความร่วมมือหรือการเข้าร่วมเป็นที่ปรึกษา/เจรจาต่อรอง (partnership) โดยพบได้ทั้งสิ้น 14 ชุมชน นอกจากนี้ ผู้วิจัยได้เสนอแนวทางการต่อสู้เพื่อให้ได้มาซึ่งการถือครองที่ดินตามจารีตโดยถอดกระบวนการจากแนวทางการต่อสู้ของกลุ่มชาติพันธุ์ชาวเลในประเทศไทยซึ่งสรุปได้ว่าเป็นการใช้เครื่องมือ 3 ส่วนประกอบกัน คือ ต้นทุนทางสังคม ต้นทุนทางการเมือง และการสร้างบทบาทและตัวตนของกลุ่มชาติพันธุ์ชาวเลในประเทศไทยเพื่อการสร้างเครือข่าย การสร้างความชอบธรรม และการเพิ่มอำนาจต่อรองเพื่อให้ได้มาซึ่งการถือครองที่ดินตามจารีต |