|
ภาวะการดื้อยาต้านเอชไอวีต่อยาโดลูทีกราเวียร์: กรณีศึกษา |
|---|---|
| รหัสดีโอไอ | |
| Creator | สุริยา แก้วภูมิแห่ |
| Title | ภาวะการดื้อยาต้านเอชไอวีต่อยาโดลูทีกราเวียร์: กรณีศึกษา |
| Publisher | กองโรคเอดส์และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ กรมควบคุมโรค |
| Publication Year | 2568 |
| Journal Title | วารสารโรคเอดส์ |
| Journal Vol. | 37 |
| Journal No. | 3 |
| Page no. | 154-165 |
| Keyword | การดื้อยาต้านเอชไอวี, ปัจจัยที่ส่งผลต่อการดื้อยาต้านเอชไอวี, โดลูทีกราเวียร์ |
| URL Website | https://he02.tci-thaijo.org/index.php/ThaiAIDSJournal/index |
| Website title | เว็บไซต์วารสารโรคเอดส์ |
| ISSN | 2985-0371 |
| Abstract | โดลูทีกราเวียร์ (dolutegravir, DTG) ใช้เป็นยาทางเลือกแรกในประเทศไทยตั้งแต่ปี พ.ศ. 2564 แต่ยังมีข้อจำกัดด้านข้อมูลการศึกษาการดื้อยาที่เพียงพอ บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นกรณีศึกษาภาวะการดื้อยา DTG และเน้นความสำคัญของการทบทวนประวัติการดื้อยาก่อนเลือกสูตรยาต้านเอชไอวีที่เหมาะสม กรณีศึกษาทั้ง 2 เป็นการตรวจพบยีนดื้อยาต้านเอชไอวีต่อยา DTG 2 รายแรกในโรงพยาบาล พบว่า ปัจจัยที่อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการดื้อยาในครั้งนี้ ได้แก่ มีประวัติขาดการรักษาอย่างน้อยหนึ่งครั้ง มีประวัติเกิดยีนดื้อยาต้านเอชไอวีต่อ efavirenz (EFV) และ nevirapine (NPV) มีประวัติได้รับยาเดิมที่เคยมีการดื้อยาและมีอันตรกิริยาระหว่างยาต้านเอชไอวีกับยาอื่นหรืออาหาร หลังจากเกิดยีนดื้อยาต่อ DTG ผู้ป่วยยังคงได้รับ DTG ต่อเนื่อง ผลการรักษาในผู้ป่วยรายแรก viral load (VL) ลดลงจาก 289,152 เป็น <40 copies/ml, cluster of differentiation 4 (CD4) เพิ่มขึ้นจาก 252 เป็น 435 cells/mm3 ในผู้ป่วยรายที่ 2 VL ลดลงจาก 7,924 เป็น 299 copies/ml, CD4 เพิ่มขึ้นจาก 80 เป็น 210 cells/mm3 ผลการรักษาทั้ง 2 รายมีแนวโน้มดีขึ้นตามลำดับ แสดงให้เห็นว่าหลังจากเกิดยีนดื้อยาแม้ผู้ป่วยยังคงใช้ DTG แต่ต้องได้รับยาที่มีความทนทานต่อการดื้อยาและมีประสิทธิภาพสูง ได้แก่ darunavir (DRV) booster ritonavir (RTV) ร่วมด้วย ข้อมูลจากกรณีศึกษานี้สามารถช่วยแนะแนวทางการทบทวนประวัติการดื้อยาต้านเอชไอวีและการเลือกสูตรยาให้มีประสิทธิภาพเพื่อป้องกันการดื้อยาในอนาคต แต่ยังมีข้อจำกัดเรื่องจำนวนกรณีศึกษาที่เพียงพอและการติดตามผล VL และ CD4 ในระยะยาว |