ผลกระทบของพายุแม่เหล็กโลกที่ขับเคลื่อนด้วยการพ่นมวลคอโรนาต่อการแผ่รังสีอินฟราเรดของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในชั้นบรรยากาศเทอร์โมสเฟียร์ส่วนล่าง
รหัสดีโอไอ
Creator ปฐม์พงศ์ พันธ์พิบูลย์
Title ผลกระทบของพายุแม่เหล็กโลกที่ขับเคลื่อนด้วยการพ่นมวลคอโรนาต่อการแผ่รังสีอินฟราเรดของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในชั้นบรรยากาศเทอร์โมสเฟียร์ส่วนล่าง
Contributor สหรัฐ สาทิพจันทร์
Publisher คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
Publication Year 2568
Journal Title KKU Science Journal
Journal Vol. 53
Journal No. 3
Page no. 335-347
Keyword การแผ่รังสีอินฟราเรด, พายุแม่เหล็กโลก, คาร์บอนไดออกไซด์, ชั้นบรรยากาศเทอร์โมสเฟียร์, ฟิสิกส์อวกาศ
URL Website https://ph01.tci-thaijo.org/index.php/KKUSciJ
Website title Thai Journal Online (ThaiJO)
ISSN 3027-6667
Abstract การศึกษานี้ตรวจสอบการตอบสนองฟลักซ์รังสีอินฟราเรดของ CO2 ในชั้นบรรยากาศเทอร์โมสเฟียร์ส่วนล่างต่อพายุแม่เหล็กโลกระดับปานกลาง 4 เหตุการณ์ที่ขับเคลื่อนด้วยการพ่นมวลคอโรนา (Coronal Mass Ejection; CME) ในปี พ.ศ. 2566 โดยใช้ข้อมูลจากเครื่องมือ SABER บนดาวเทียม TIMED และพารามิเตอร์ลมสุริยะจาก OMNIWeb การวิเคราะห์ใช้เทคนิคการวิเคราะห์ยุคซ้อนทับ (Superposed Epoch Analysis; SEA) และสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ไขว้ (cross-correlation) เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างพารามิเตอร์ลมสุริยะและค่าฟลักซ์รังสีอินฟราเรดของ CO2 ผลการศึกษาพบว่าฟลักซ์รังสีอินฟราเรดของ CO2 เพิ่มขึ้นร้อยละ 112 จากค่าเฉลี่ยก่อนเกิดเหตุการณ์ (1.67 mW/m2) โดยมีค่าสูงสุด 3.54 mW/m2 ซึ่งปรากฏภายในเวลาประมาณ 24 นาทีหลังจากจุดต่ำสุดของดัชนี SYM-H ที่เป็นตัวชี้วัดความเข้มของกระแสวงแหวนและระดับความรุนแรงของพายุแม่เหล็กโลกในช่วงเวลาระดับนาที นอกจากนี้ยังพบความสัมพันธ์เชิงลบที่สูงระหว่างฟลักซ์รังสีอินฟราเรดของ CO2 กับดัชนี SYM-H (r = -0.812) เวลาตอบสนองแสดงให้เห็นว่า CO2 มีผลกระทบต่อกระบวนการระบายความร้อนของชั้นบรรยากาศเทอร์โมสเฟียร์ส่วนล่าง โดยใช้เวลาประมาณ 3 - 4 วันในการกลับคืนสู่สภาวะปกติ กลไกนี้สอดคล้องกับแนวคิดสมดุลพลังงานของชั้นบรรยากาศเทอร์โมสเฟียร์
คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น

บรรณานุกรม

EndNote

APA

Chicago

MLA

ดิจิตอลไฟล์

Digital File
DOI Smart-Search
สวัสดีค่ะ ยินดีให้บริการสอบถาม และสืบค้นข้อมูลตัวระบุวัตถุดิจิทัล (ดีโอไอ) สำนักการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ค่ะ