หากเห็นความผิดปกติของเล็บ ควรรีบพบแพทย์ เพราะอาจเสี่ยง “มะเร็งเล็บ” ได้
ไม่น่าเชื่อก็ต้องเชื่อว่า “เล็บ” ก็สามารถเป็นมะเร็งได้ โดยเกิดขึ้นจากผิวหนังใต้เล็บอีกทีหนึ่ง
มะเร็งเล็บ หรือชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า “มะเร็งผิวหนังเมลาโนมา” เป็นมะเร็งผิวหนังเมลาโนมาเป็นมะเร็งผิวหนังชนิดร้ายแรงที่พัฒนาในเซลล์เมลาโนไซต์ที่ทำหน้าที่ในการสร้างเม็ดสีบนผิวหนัง
มะเร็งผิวหนังเมลาโนมาเป็นผลมาจากความผิดปกติของการผลิตเมลาโนไซต์ที่สร้างเม็ดสีผิว ความเสียหายของดีเอ็นเอทำให้เซลล์ใหม่เติบโตอย่างไม่สามารถควบคุมได้และไม่เป็นระเบียบ จึงทำให้เซลล์มะเร็งมีจำนวนมากขึ้น
มะเร็งผิวหนังเมลาโนมายังไม่สามารถระบุสาเหตุของโรคได้แน่ชัด แต่นอกจจากปัจจัยในเรื่องของพันธุกรรม ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ ผิวขาวจัด มีประวัติเคยถูกแดดเผา และสิ่งแวดล้อมทั่วไปแล้ว รังสีอัลตราไวโอเลต (UV) ถือเป็นปัจจัยที่อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งผิวหนังได้
อาการเริ่มแรกของมะเร็งเล็บ หรือมะเร็งผิวหนังเมลาโนมาที่เราสังเกตเห็นได้จากภายนอก ได้แก่
1. เล็บมีรูปร่างผิดปกติ
2. มีเส้นขอบที่เล็บผิดปกติ
3. เล็บเปลี่ยนสี
4. เป็นการไฝที่เกิดขึ้นใหม่และมีขนาดใหญ่กว่าหกมิลลิเมตร
5. เกิดอาการอื่นๆ เช่น เลือดออก หรือคัน
อย่างที่บอกว่ามะเร็งเล็บคือมะเร็งผิวหนังเมลาโนมาที่เกิดขึ้นบนผิวหลังที่อยู่ใช้เล็บ ดังนั้นมะเร็งผิวหนังเมลาโนมาจึงอาจเกิดขึ้นที่ส่วนอื่นๆ ของร่างกายได้ด้วย เช่น
นอกจากนี้ แม้ว่าจะเป็นมะเร็งผิวหนังเมลาโนมาที่เกิดขึ้นใต้เล็บ แต่ก็สามารถแพร่กระจายไปยังส่วนอื่นๆ ของร่างกายได้ โดยเฉพาะในบริเวณจมูกและลำคอ
สำหรับวิธีการรักษามะเร็งผิวหนังเมลาโนมาที่เล็บ ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของแพทย์ โดยแพทย์อาจแนะนำให้ผ่าตัดนำส่วนที่เป็นมะเร็งออกสำหรับผู้ที่มีมะเร็งขนาดเล็ก การผ่าตัดอาจเป็นวิธีการรักษาเดียวที่จำเป็นสำหรับผู้ที่มีเนื้องอกในระยะเริ่มต้น
แต่สำหรับผู้ป่วยที่มีเชื้อมะเร็งแพร่กระจายไปยั่งส่วนอื่นๆ ของร่างกาย อาจพิจารณาวิธีรักษาหลากหลายขึ้น เช่น
สำหรับปัจจัยเสี่ยงที่เรายังพอควบคุมได้ คือการหลีกเลี่ยงการออกแดดจัดๆ โดยไม่มีการป้องกันแดดใดๆ สวมเสื้อคลุม ผ้าคลุม หมวก ร่ม และอุปกรณ์กันแดดอื่นๆ เพื่อไม่ให้ผิวหนังได้รับแสงแดดจัดๆ มากเกินไป รวมถึงการทาครีมกันแดดก่อนออกจากบ้านทุกครั้ง
และควรหมั่นสังเกตเล็บของตัวเองอยู่เสมอ หากมีลักษณะผิดปกติ เช่น สีสีคล้ำขึ้น ผิวเล็บไม่เรียบเนียน มีรอยฟอกช้ำใต้เล็บที่ผ่านไปนานๆ ก็ยังไม่หายไม่ดีขึ้น ลักษณะรูปร่างของเล็บเปลี่ยนไป มีไฝหรือแผลขึ้นที่เล็บอย่างไม่รู้สาเหตุ ควรรีบพบแพทย์เพื่อทำการวินิจฉัยและรักษาอย่างทันท่วงที
ขอขอบคุณ
ข้อมูล :โรงพยาบาลเมดพาร์ค
ขอบคุณที่มา : https://www.sanook.com/health/33377/?utm_source=grf-eng&utm_medium=partner&utm_campaign=giraff.io